• หน้าแรก
  • อุปมาแก่นไม้กับแก่นธรรม
  • พระพุทธรูปยุคต่างๆ
  • เสียงธรรมคีตะ
  • สมุดเยี่ยม
  • ติดต่อเรา
ทำบุญตักบาตร รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม ทุกวัน
หิระ โอตตัปปะ
                                     โลกร่มเย็นดับเข็นได้ด้วยพระพุทธศาสนา
                                                 ธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองโลก ๒ อย่าง คือ
                                                         ๑.หิริ ความละอายแก่ใจ
                                                         ๒.โอตตัปปะ ความเกรงกลัว
ความหมายที่ชื่อว่า  คุ้มครองโลก   ชื่อว่า  คุ้มครองโลกเพราะ
          ๑.เป็นธรรมที่สนับสนุนชาวโลกให้รู้จกยับยั้งจิต และละอายใจตนเองไม่กล้าทำทุจริต
          ๒.บรรเทาความวุ้นวายเดือดร้อนของโลกช่วยทำให้จิตใจของมนุษย์สูงขึ้นเหมือนเทวดา
          ๓. ทำให้จิตใจบริสุทธิ์และประกอบด้อยมนุษยธรรมขยายความ
          หิริ ความละอายแก่ใจ คือ ความละอายแก่บาปไม่กล้าประพฤติชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ไม่เกี่ยวข้องสิ่งที่ผิดศีลธรรมและละเมิดกฎหมายโอตตัปปะความเกรงกลัวต่อบาป คือ มีจิตใจเกลียดความ
ชั่วแนวทางปฏิบัติ ในคัมภีร์อรรถกถาอิติวุตตกะ กล่าวถึงหลักปฏิบัติไว้ถึง ๔ ประการคือ
          ๑.พิจรณาชาติตระกูลของตน เช่นคำนึงถึงวาเราเป็นลูกคนมีตระกูล เป็นมนุษย์ชาติ มารดาบิดา
อบรมในทางที่ดีหาทางที่จะเกลือกกลั้วด้อยความชั่วไม่
          ๒.พิจารณาวัยของตน  เช่นคำหนึ่งว่า ตัวเรามีอายุอานามากแล้ว เป็นผู้ใหญ่เป็นพ่อคนแม่คนหา
ควรที่จะทำชั่วอย่างเด็กไม่
          ๓.ให้พิจารณากำลังของตน  เช่น พิจารณาว่าตัวเราเองก็เป็นคนมีกำลังความรู้ความสามารถ
ร่างกายก็แข็งแรงอยู่ หาควรที่จะทำกรรมเลวทรามเยื้องคนทุพพลภาพไม่
           ๔.พิจารณาความรู้ของตนเช่น  พิจารณา  ว่าเราเองเป็นคนมีความรู้เคยประพฤติปฏิบัติมา  แม้แต่คนที่มีความรู้น้อยกว่าเราเขายังทำมาหากินโดยสุจริตได้การทำบาปนั้นเป็นเรื่องของคนไร้การศึกษา เราจึงไม่ควรทำการสร้างหิริ โอตตัปปะในตัวเอง
           การสร้างหิริให้เกิดมีขึ้นในตังเองท่านกล่าวไว้ในอัฏฐสาลินีว่าให้คำนึงตังเองก่อนที จะทำความ
ชั่วอะไรลงไป นึกถึงสถานะของตนนึกถึงศาสนา  นึกถึงศีลธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว เพราะความชั่วเป็นการทำลายเกียจติยศและชื่อเสียงของตนเป็นต้น
การสร้างโอตตัปปะในตังเอง
ท่านให้คำนึงถึงโทษที่จะเกิดจากการกระทำนั้นๆเป็นหลัก  เช่น ให้นึกถึงว่าสิ่งที่ทำนั้นจะเป็นตราบาปติด
ตัวเราไปตลอดคือ  นึกถึงทีไรก็เป็นเหตุใหตำหนิตังเองได้เสมอให้นึกถึงการที่จะถูกคนอื่นตำหนิติเตียน ถ้าเราทำสิ่งนี้ พ่อแม่  ครูอาจารย์ ลูกหลาน และ ญาติพี่น้องจะตำหนิติเตียนคนที่รักก็จะตีตัวออกห่าง ให้นึกโทษทางกฎหมายหรือ โทษที่ได้รับในโลกหน้า เช่น เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกายหรือ
เป็นสัตว์ดิรัจฉาน การนึกถึงอย่างนี้จะช่วยให้เรามีสติยังคิด และยับยั้งตัวเองไม่ให้ทำความชั่วได้ และเป็น
แรงส่งเสริมให้เรามีกำลังใจในการทำความดี
           ธรรม ๒ อย่างนี้ยังมีชื่อเรียกอีก ๒ อย่าง คือ เทวธรรม   คือธรรมที่ทำให้คนไปเกิดเป็นเทวดา
และสุกกธรรม  คือธรรมที่ขาวสะอาด หมายถึงธรรมที่ทำให้คนมีความประพฤติที่ขาวสะอาด