พุทธศาสนสุภาษิตคำกลอน |
อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
(การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต).
******************** |
|
ไม่ควรคบคนพาลสันดานชั่ว
จะพาตัวอัปลักษณ์เสื่อมศักดิ์ศรี
ถูกตำหนิติฉินอย่างสิ้นดี
ทั้งเป็นที่ลบหลู่ของหมู่ชน
คบบัณฑิตไว้เถิดประเสริฐนัก
ได้รู้จักลู่ทางสร้างกุศล
รู้ผิดชอบชั่วดีชูศรีตน
เป็นมงคลอุดมสุขสมบูรณ์.
คบคนพาลพาลไปหาผิด
คบบัณฑิตบัณฑิตพาลไปหาผล
สุนทรภู่กล่าวไว้ให้ปวงชน
สำนีกตนจะคบใครใฝ่ใจดู
จะคบคนให้ดูหน้าท่านว่าขาน
จะคบพาลจงรู้สึกนึกอดสู
คบบัณฑิเถิดหนาค่าเชิดชู
พาตนสู่บัณฑิตด้วยช่วยชูวงศ์. |
|
|
มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร
(มารดาเป็นมิตรในเรือนตน)
******************** |
|
แม่เป็นครูผู้สอนแต่ตอนต้น
แม่ทุกคนอุดมพรหมวิหาร
แม่เมตตากรุณามุทิตาการ
แม่มีญาณอุเบกขาเป็นอารณ์
แม่เหมือนพระอรหันต์อันสูงสุด
แม่หวังบุตรธิดาอย่าขื่นขม
แม่กับลูกผูกมิตรจิตชื่นชม
แม่จึงสมสุภาษิตมิตรในเรือน.
มีเพื่อนอื่นเหมื่นแสนไม่แม้นแม่
เป็นเพื่อนแท้แม่เกล้าเฝ้าอุปถัมภ์
เป็นทั้งแม่เพื่อนครูอยู่ประจำ
ทุกเช้าค่ำรักห่วงดังดวงใจ
ให้กำเนิดเกิดกายสายโลหิต
แม่ไม่คิดหน่ายรักพลิกผลักใส
เป็นแม่พระแม่เรือนแม่เพื่อนใจ
แม่เมือนในธรรมคุณสุดบูชา. |
|
|
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
(ชนะตนนั้นแหละเป็นดี)
******************** |
|
ชนะศึกศัตรูหมู่อมิตร
ทั้วทุกทิศก็ไม่แน่กลับแพ้ได้
ชนะรักได้ครองห้องหัวใจ
ก็ใช่ชัยชนะที่จักจีรัง
ชนะตนนั้นแลเลิศประเสริฐยิ่ง
ชนะจริงไม่กลับพ่ายในภายหลัง
ชนะกิเลสในตนพ้นรักชัง
ชนะยั่งยืนแท้แน่นักเอย.
นโปเรียนเพียรทำสงครามศึก
ปัจจานึกแพ้พ่ายกระจายหนี
ได้เมืองขึ้นมากหมายหลายวิธี
แต่ยังมีเวรชิดตามติดตน
ชนะใจเรานี้จึงดีกว่า
หมั่นอุส่าห์ก่อสร้างทางกุศล
เอาความชอบตอบใส่ดวงใจคน
ซึ่งจักดลสุกสันต์นิรันดร. |
|
|
นิสมฺม กรณํ เสยฺโย
(ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า) |
|
สักวาจะทำกิจกรรมใด
จงตั้งใจใคร่ครวญให้ถ่วนถี่
แล้วจึงทำตามระบอบให้ชอบที
งานจะดีมีสติหมั่นตริครอง
หาเหตุผลด้วยปัญญาจะพาตน
หลีกหนีพ้นจากทุกข์สุขสนอง
งานจะเสร็จสมหวังดังใจปอง
ด้วยสมองคิดย้ำก่อนทำเอย.
สักวาถ้าทำกิจจงคิดก่อน
แล้วค่อยจรจับการงานในภายหลัง
เอาปัญญาสติกุมคุมระวัง
อย่าให้พลั้งงานสำเร็จเสร็จด้วยดี
พระภาษิตบทนี้ชี้ให้เห็น
ถึงประเด็นคิดใคร่ครวญถูกถ้วนถี่
แล้วทำการงานก้าวหน้าไร้ราคี
กิจวิถีถูกธรรมชอบกอปรกิจเอย. |
|
|
อตฺตนาว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ
(ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง) |
|
ตนทำบาปหยาบช้าพามัวหมอง
ตนจะต้องทนทุกข์ไร้สุขี
ตนปล่อยจิตคิดทำกรรมไม่ดี
ตนจะมีหมองเศร้าแผดเผาใจ
ตนไม่ทำกรรมชั่วด้วยตัวแล้ว
ตนผ่องแผ้วทุกข์หมดจิตสดใส
ตนรักตัวบาปเห็นจงเว้นไกล
ตนจะได้สุขล้นเพราะตนเอย.
ตนจับเจ่าเคล้าทุกข์ในคุกขัง
ตนถูกรั้งด้วยโซ่เส้นโตโหญ่
ตนถูกด่าถูกว่าให้สาใจ
ตนยากไร้ถูกหมิ่นสิ้นเมตตา
ตนใช่ไหมทำตนใช่คนอื่น
ตนหยิบยื่นทุกข์ทนให้ตนหนา
ตนไม่ตรึกตามธรรมพระสัมมา
ตนชั่วช้าหม่นหมองเป็นของตน.
(แหล่งที่มา มรดกกวี) |
|
|
|